วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 10  เรียงความวันแม่


ทุกสิ่งย่อมมีจุดเริ่มต้น                 ทุกคนย่อมมีผู้ให้กำเนิด
             ทุกการบังเกิดย่อมมีความหมาย                ปถุชนทั้งหลายควรคิดไตร่ตรอง
บุญคุณอันใดหรือจะประเสริฐกว่าบุญคุณของแม่  ผู้คอยเฝ้าทะนุถนอมลูกด้วยความรัก ความหวังดี  ความรักนี้เริ่มตั้งแต่ผู้เป็นแม่รู้ว่า  ลูกได้ถือกำเนิดขึ้น  ความปีติยินดีในจิตใจของแม่ก็ล้นเปี่ยม  วิถีการปฏิบัติตน  กินดื่มสิ่งใดก็ระมัดระวังด้วยเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อลูกในครรภ์  เวลาทุกวินาทีมีค่า  เวลาผ่านไปด้วย  ความหวัง  จนครบกำหนด 9 เดือน  ความปีติยินดีก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ  เมื่อแม่ได้คลอดลูกน้อยออกมาดูโลก  น้ำนมหยดแรกที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยความรัก  ความหวังดี  หลั่งรินออกมาจากอกของแม่  สู่กระเพาะของลูกน้อย  ดั่งสายเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่มิอาจขาดจากกันได้ เป็นอาหารมื้อแรกที่วิเศษที่สุด ประดุจอาหารทิพย์จากชั้นฟ้า  มีความอบอุ่นในฤดูหนาว  และความชุ่มฉ่ำในฤดูร้อน  อุดมด้วยคุณประโยชน์ทางโภชนาการอย่างครบถ้วน   เมื่อเวลาผ่านไปเราค่อยๆ เติบใหญ่  หัดคลาน  หัดเดิน  หัดพูดด้วยการสั่งสอนของครูคนแรกในชีวิตนั่นก็คือ แม่  หลังจากนั้นก็ส่งลูกเข้าโรงเรียนระหว่างนั้นท่านก็ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อหาเงินมาให้เราจ่าย  ได้มีกิน  มีใช้  แม่คอยให้คำปรึกษาแก่ฉันในทุกๆเรื่อง  และไม่ลืมที่จะสอนให้ฉันเป็นคนดีปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนาอย่างเคร่งครัด  เคารพผู้ใหญ่  รู้จักตอบแทนบุญคุณคนและรักแผ่นดินไทย                                   
                ทุกวันนี้ฉันมีความสุข  และตั้งใจเป็นคนดี  ตอบแทนบุญคุณของแม่เท่าที่ฉันมีความสามารถ  เพราะแม่เป็นทั้งครู เป็นทั้งหมอ    เป็นนายธนาคาร   เป็นผู้ประกอบอาหาร    เป็นผู้จัดการ    เป็นแบบอย่างในความอดทนและขยัน  เป็นทั้งชีวิตของฉัน   เนื่องในโอกาสวันแม่ฉันขอมอบกลอนนี้ให้แม่
แม่ให้ชีวิต           แม่ลิขิตสายใยรัก
                                    ดูแลพร้อมปกปัก           ท่านทอถักด้วยผูกพันธ์
   น้ำนมเพียงหนึ่งหยด    ดั่งโอสถอัศจรรย์
   รักแม่ทุกคืนวัน              มิแปรผันทดแทนคุณ


วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555



                               กิจกรรมที่ ลักษณะของการจัดห้องเรียน
            ลักษณะของการจัดห้องเรียนที่ดีในความคิดของฉันนั้น  จะต้องเหมาะสมกับการจัดการเรียนการสอนของครู  สะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ และมีบรรยากาศในชั้นเรียนที่ดี  ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดี เพราะบรรยากาศที่ดีสามารถทำให้เด็กพร้อมที่จะเรียนรู้  บรรยากาศในห้องเรียนจะรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบๆห้องเรียนด้วย เพราะบางครั้งสิ่งแวดล้อมก็มีอิทธิพลสูงต่อการเรียนรู้ เช่น  แสง เสียง กลิ่น เป็นต้น
            ในความคิดของฉันบรรยากาศที่ดีในห้องเรียนควรเป็นดังนี้
1. มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่รู่สึกอึดอัด ห้องเรียนไม่คับแคบจนเกินไป ทำให้นักเรียนเกิดความคล่องตัวในการทำกิจกรรม
2. ห้องเรียนจะต้องสะอาด โต๊ะ เก้าอี้จัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
3. มีแสงสว่างที่เพียงพอและพอดี ไม่สว่างจนเกินไปหรือมืดจนเกินไป
4. ไม่มีกลิ่นเหม็นมารบกวน
5. มีที่ว่างพอที่ครูจะเดินไปหานักเรียนได้โดยสะดวกและทั่วถึง
6. มีการจัดมุมการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ตามวัยของเด็ก เช่น การจัดป้ายนิเทศที่ฝาผนังห้องข้างกระดานดำทั้งสองข้าง การติดผลงานของนักเรียน เป็นต้น
7. ห้องเรียนเต็มไปด้วยความอบอุ่น มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน ช่วยเหลือกัน
8. จัดบริเวณที่นักเรียนมีการใช้อย่างหนาแน่นให้เหมาะสม เช่น บริเวณที่เหลาดินสอ ที่วางขยะหลังห้อง  เป็นต้น
            สำหรับการจัดโต๊ะของครูนั้น ฉันคิดว่าควรจัดไว้ในห้อง คือ หน้าห้อง หรือ หลังห้อง เพราะครูสมารถทำงานของตนและสามารถสังเกตพฤติกรรมของเด็กได้ และหากเด็กมีข้อสงสัยก็สามารถปรึกษากับครูได้เลย แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ครูจะต้องจัดสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ ไม่รกรุงรัง  เพราะจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเรียน

 
 กิจกรรมที่ 8 ครูมืออาชีพในอุดมคติ
            ครูมืออาชีพในอุดมคติของฉันนั้น คือ บุคคลที่สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียนได้มีความเข้าใจ  สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้  และจะต้องอบรมบ่มนิสัยในทุกๆเรื่องจนศิษย์นั้นเป็นคนดี และประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายในชีวิตของเขา และครูจะต้องเป็นที่ยอมรับของบุคคลรอบข้าง พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และสาธารณชน  ครูที่ดีนั้นจะไม่สอนศิษย์เฉพาะเนื้อหาในหนังสือ แต่จะต้องสอดแทรกด้วยคุณธรรม จริยธรรม ต้องปลูกฝังให้เด็กเป็นคนใฝ่เรียน รู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง รู้จักคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์เป็น  ต้องชี้แนะในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง  การวางตัวในสังคม  และจะต้องรู้จักการให้ความเพลิดเพลินแก่เด็กด้วยในขณะที่ทำการเรียนการสอน ครูจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็กในทุกๆเรื่อง  และจะต้องมีความอดทน ขยัน และจะต้องใฝ่รู้อยู่เสมอ เพราะคนเราจะต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอ
            สำหรับการดำเนินชีวิตนั้นฉันคิดว่า ฉันมีแผนที่ในการปฏิบัติตามแล้ว และคิดว่าถ้าครูหรือทุกคนปฏิบัติตามนั้นก็จะทำให้เราประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน  และแผนที่ที่ว่าคือ 36 แผนที่ชีวิตของพ่อ (พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) ดังนี้
1. ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจานอย่างจริงใจ
2. อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจาก ปัญญา และความกล้าหาญ
3. เพื่อนใหม่ คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วนเพื่อนเก่า หรือ มิตร คือ อัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า
4. อ่านหนังสือธรรมะปีละเล่ม
5. ปฏิบัติต่อคนอื่น เช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา
6. พูดคำว่า ขอบคุณ ให้มากๆ
7. รักษา ความลับ ให้เป็น
8. ประเมินคุณค่าของการให้อภัย ให้สูง
9. ฟังให้มาก แล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี
10. ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิ และรู้แก่ใจว่า เป็นจริง
11.หากล้มลง จงอย่ากลัวกับการลุกขึ้นใหม่
12. เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนัก คิดเสมอว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว
13. อย่าถกเถียงธุรกิจภายในลิฟต์
14. ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน
15. อย่าหยิ่งหากจะกล่าวว่า ขอโทษ
16. อย่าอายหากจะบอกใครว่า ไม่รู้
17 ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง
18. เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป
19. การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท
20. คนไม่รักเงิน คือคนไม่รักชีวิต ไม่รักอนาคต
21. ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบก่อน คือ ผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี
22. ชีวิตนี้ฉันไม่เคยได้ทำงานเลยสักวัน ทุกวันเป็นวันสนุกหมด
23. จงใช้จุดแข็งเอาชนะจุดอ่อน
24. เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจสิ่งที่เราพูด
25. เหรียญเดียวมีสองหน้า ความสำเร็จกับล้มเหลว
26. อย่าตามใจตัวเอง เรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นล้วนมาจากการตามใจตัวเองทั้งสิ้น
27. ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน
28. อย่าดึงต้นกล้าให้โตไวๆ ( อย่าใจร้อน)
29. ระลึกถึงความตายวันละ 3 ครั้ง ชีวิตจะมีสุข มีอภัย มีให้
30. ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อๆไปก็ผิดหมด
31. ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดวันเวลาแล้วเสร็จ
32. จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด
33. ดาวและเดือนที่อยู่สูง อยากได้ต้องปีน บันไดสูง
34. มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
35. หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม
36. ระเบียบวินัย คือคุณสมบัติ ที่สำคัญในการดำเนินชีวิต

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


กิจกรรมทดสอบกลางภาคเรียน
       บทความที่ 1 การสอนแนะให้รู้จักคิดรูปแบบหนึ่งของการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์
1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
การสอนแนะให้รู้คิด  เป็นนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน   เป็นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนเกี่ยวกับองค์ความรู้และทักษะในการแก้ปัญหา  การเรียนการสอนเกิดจากความรู้ของผู้เรียนและเน้นการคิดการแก้ปัญหาด้วยตัวของผู้เรียน
ทฤษฎีการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับการสอนแนะให้รู้คิด  ได้แก่ ทฤษฎีการเรียนรู้ปัญญานิยม   ซึ่งเน้นให้ผู้เรียนลงมือกระทำหรือเป็นผู้ที่ริเริ่มและกระตือรือร้น   เรียนรู้ด้วยการหยั่งรู้  หรือการเรียนรู้จากการค้นพบ  ซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
การสอนแนะให้รู้คิดมีหลักการและรูปแบบ  คือ
1.นักเรียนแต่ละคนจะต้องรู้
2.สามารถพัฒนาแนวคิดทางคณิตศาสตร์ของผู้เรียนได้
3.ต้องมีกิจกรรมในใจในการเรียนคณิตศาสตร์
การสอนแนะให้รู้คิดเป็นแนวการสอนรูปแบบหนึ่งที่สอดคล้องกับหลักการจัดการศึกษาระดับชาติที่เน้นความสำคัญด้านความรู้ ความคิด ความสามารถ และคุณธรรม  เน้นการฝึกทักษะการคิดของผู้เรียน ผู้สอนต้องสอดแทรกทักษะและกระบวนการต่างๆ เข้าไปในการจัดการเรียนรู้ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนฝึกการคิดและสามารถให้เหตุผลประกอบได้รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาวิชาเข้ากับชีวิตจริง เห็นความสัมพันธ์ของการเรียนรู้ในชั้นเรียนกับชีวิตจริงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
ในการจัดการเรียนการสอนจะต้องยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ  จะต้องเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง  ครูมีหน้าที่ที่จะเป็นคนชี้แนะหรือสร้างกระบวนการแล้วให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ  คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือ  และเมื่อผู้เรียนได้ข้อสรุปแล้ว ให้อภิปรายร่วมกัน
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
ในการเรียนการสอนครูจะมีการนำเข้าสู่บทเรียนด้วยวิธีการต่างๆ เช่น เพลง เหตุการณ์   แล้วแต่ความเหมาะสมของเนื้อหา  หลังจากนั้นก็อาจจะมีกิจกรรมให้ผู้เรียนปฏิบัติโดยครูเป็นเพียงผู้ดำเนินการ  คอยชี้แนะ และให้ความช่วยเหลือที่มีผู้เรียนเป็นผู้ปฏิบัติ  เมื่อเสร็จกระบวนการแล้วจึงให้ผู้เรียนอภิปรายร่วมกันแล้วครูก็สรุปให้ฟังอีกครั้ง
 



1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
                พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นครูของแผ่นดิน  เราจะเห็นว่าท่านมีโครงการมากมายในการพัฒนาประเทศ   ท่านได้ทำในสิ่งที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้และมีคุณค่ามากมาย เช่น โครงการแก้มลิง เศรษฐกิจพอเพียง  เป็นต้น  ซึ่งเราจะเห็นว่าการที่พระองค์ได้เสด็จไปที่ไหนแล้วที่นั่นก็จะมีการพัฒนา พระองค์ท่านพัฒนาผืนแผ่นดินของเราอยู่ตลอดเวลา
2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
                การเรียนรู้ที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้นจะต้องอาศัยการลงมือปฏิบัติจริง  และความรู้นั้นมีอยู่รอบตัวเราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต  ทุกที่ ทุกเวลา ในฐานะครูนั้นจะต้องรู้จริงและมีความรู้ที่กว้างขวางเพื่อจะนำมาถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้ทราบ  สมควรอย่างยิ่งที่เราจะต้องแสวงหาความรู้อยู่ตลอด  เนื่องจากการศึกษานั้นสำคัญต่อความเจริญของประเทศ
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
ในการเรียนการสอนครูจะต้องเป็นผู้ชี้แนะปัญหา  แล้วให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง  พร้อมทั้งควรสอดแทรกคุณธรรมเข้าไปด้วย